เจ้าของธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีหน้าร้าน และต้องการให้ลูกค้าเดินทางไปใช้บริการที่หน้าร้านของคุณ อย่าลืมทำ 10 อย่างนี้ จะช่วยให้ร้านค้าของคุณแสดงบนแผนที่ Google Map ได้มากขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. ยืนยันความเป็นเจ้าของและกรอกข้อมูลของคุณใน Google Business Profile
ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในการเปิดการมองเห็นบน Google Maps คือการยืนยันความเป็นเจ้าของสถานที่นั้นๆผ่าน Google Business Profile ของคุณ
คุณสามารถทำเช่นนี้ได้โดยการค้นหาชื่อธุรกิจของคุณบน Google หรือ Google Maps และยืนยันรายการของคุณหากคุณยังไม่ได้ทำเช่นนั้น โดยเมื่อคุณมีรายการและลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ของคุณแล้ว คุณสามารถแก้ไขรายการนั้นได้ แม้กระทั่งโดยตรงจากผลการค้นหา
2. โพสต์เนื้อหาที่เชื่อมโยง โดยเฉพาะรูปภาพ
ซึ่งหลังจากคุณได้ยืนยันธุรกิจของคุณบน Google Business Profile แล้ว คุณยังมีงานอื่นๆที่ต้องทำอีก โดย Google จะให้ความสำคัญ และโปรโมทธุรกิจที่มีกิจกรรมอัปเดตอยู่เสมอๆ ดังนั้นคุณควรอัปเดตข้อมูลบน GBP ของคุณอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น:
- โปรโมชันพิเศษ
- กิจกรรมหรืองานอีเวนท์ที่จัดขึ้น
- ลิงก์ไปยังบทความบล็อกที่น่าสนใจ
- ข่าวสารหรืออัปเดตธุรกิจล่าสุด
นอกจากนี้ การใส่รูปภาพลงไปในอัปเดตด้วยก็จะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้มากขึ้น เพราะมีแนวโน้มที่จะทำให้มีการแชร์หรือคลิกเข้ามาดูเพิ่มขึ้น อย่าลืมใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ โดยเฉพาะหน้าสินค้าหรือบริการหลัก เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้
3. เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลบนเว็บของคุณ เพื่อการค้นหาแบบ Local SEO
เอาหล่ะ เมื่อคุณต้องการจัดอันดับให้ดีบน Google Maps คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการมีอยู่บนออนไลน์ของธุรกิจคุณ เช่นเว็บไซต์หรือช่องทางโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆนั้น ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่น (Local Audiance) แล้ว
โดยคุณสามารถเริ่มต้นได้โดยการตรวจสอบการทำ Local SEO เพื่อระบุว่าคุณควรให้ความสำคัญกับส่วนไหนจากมุมมองของคีย์เวิร์ด เนื้อหา และการเชื่อมโยง – เนื่องจากนี่คือองค์ประกอบหลัก 3 ประการที่การมีอยู่ถูกสร้างขึ้นมา
ต่อมา เว็บไซต์ของคุณต้องมีการจัดโครงสร้างอย่างเหมาะสมเพื่อให้ Google สามารถเข้าถึงและดึงดูดเนื้อหาของคุณได้ง่าย และเนื้อหาภายในเว็บไซต์ต้องมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นท้องถิ่น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ เช่นร้านอาหารควรระบุเวลาเปิดปิด เมนูอาหาร ราคา ให้ชัดเจน
จำไว้ว่า Google ให้รางวัลกับเว็บไซต์ร้านค้า ที่สามารถนำผู้ค้นหาไปสู่คำตอบได้ด้วยจำนวนคลิกน้อยที่สุด และที่สำคัญเว็บไซต์ยังต้องโหลดได้อย่างรวดเร็วและให้การนำทางที่ราบรื่นอีกด้วย
4. อย่าลืมเอา Google Map ไปฝังในเวปไซต์ของคุณ
การทำ Google Map พิกัดร้านค้าของคุณไปฝังไว้ในเวปไซต์ของร้านค้าคุณ จะช่วยให้ลูกค้าของคุณเห็นภาพว่าร้านค้าของคุณตั้งอยู่ที่ไหน บนถนนอะไร พื้นที่รอบๆเป็นอย่างไร มีที่จอดรถหรือเปล่า
ถึงแม้ว่าการฝัง Google Map บนเวปไซต์จะยังไม่ได้รับการยืนยันว่ามีผลต่อการจัดอันดับ แต่ก็เป็นวิธีที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของคุณได้
5. หมั่นใส่ใจคะแนนรีวิว และคอมเม้นท์จากลูกค้า
อีกปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการกำหนดว่าร้านค้าจะปรากฏบน Google Maps หรือไม่ และจะปรากฏที่ตำแหน่งใด คือรีวิวจากลูกค้า
ซึ่ง Google ให้ความสำคัญอย่างมากทั้งกับจำนวนรีวิวที่ธุรกิจของคุณได้รับ และความแข็งแกร่งในการตอบสนองต่อรีวิวเหล่านั้น ไม่ว่ารีวิวจะเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบ
ธุรกิจของคุณต้องการจำกัดจำนวนรีวิวเชิงลบที่ได้รับอย่างรวดเร็ว และธรรมชาติ เช่นเมื่อมีคนเข้ามาติชมเรื่องงานบริการผ่าน Google Map เราควรตอบกลับหาลูกค้าคนนั้นโดยทันที และนำปัญหามาแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสองอีก นี่สามารถกลายเป็นวิธีที่มีค่าในการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริการลูกค้าของธุรกิจได้
6. ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อต้องถูกต้อง และเหมือนกันทุก platform
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าร้านค้าของคุณมีอยู่จริง และไม่เสียเวลาขับรถไป คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูล ชื่อ, ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อ ร้านค้าของคุณ เป็นข้อมูลชุดเดียวกันทั้งบนแผนที่ Google Map, เวปไซต์ และช่องทางโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆ
7. อย่าลืมสร้าง backlink
หมั่นนำ Link แผนที่ Google Map ของร้านค้าคุณไปโพสต์เพื่อแนะนำตามเวปไซต์ต่างๆที่เกี่ยวของ เช่นหากธุรกิจของคุณเกี่ยวกับร้านอาหาร คุณอาจจะหาเวปไซต์ที่รวมข้อมูลร้านอาหารและทำ Link แผนที่ Google Map ไปฝากไว้
โดย ลิงก์เหล่านี้ไปยังเว็บไซต์ของคุณควรเป็น “follow links” ซึ่งหมายความว่า Google จะติดตามและรับรู้ถึงแหล่งที่มาของลิงก์ไปยังเนื้อหาของคุณ
ส่วนใหญ่แล้วไดเรกทอรีต่างๆ ตระหนักถึงคุณค่าของ “follow links” และจึงคิดค่าบริการสำหรับการรวมอยู่ในนั้น แต่คุณควรมองหาโอกาสในการรับลิงก์จากแหล่งที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์ที่เกี่ยวข้อง องค์กรอุตสาหกรรม หรือองค์กรบริการด้วย
8. มีส่วนร่วมกับชุมชนของคุณ
ในหน้าจัดการ Google Business Profile คุณอาจจะโพสต์เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าของคุณได้ เช่นกิจกรรมในสถานที่ใกล้เคียงกับร้านค้าของคุณ
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ Google มองว่าร้านค้าคุณมีส่วนร่วมกับพื้นที่รอบๆ และแนะนำร้านค้าของคุณให้คนอื่นรู้จักมากขึ้น
9. อย่าลืมติดตาม และวัดผล
เมื่อคุณทำตามข้อแนะนำทั้งหมดด้านบนแล้ว อย่าลืมวัดผลสิ่งที่คุณทำด้วย เช่น ลองค้นหาร้านค้าของคุณผ่าน Google Map และดูว่าร้านค้าของคุณมีอันดับดีขึ้นหรือไม่
หรืออาจจะลองค้นหาผ่าน Google Search โดยพิมพ์บริการของร้านค้าของคุณ เช่น “ร้านกาแฟ ใกล้ฉัน” ลงไป และดูว่ามีร้านค้าของคุณขึ้นมาในผลการค้นหาหรือไม่
นอกจากนี้คุณยังสามารถดู Performance ว่าร้านค้าของคุณถูกค้นหากี่ครั้ง ได้ผ่าน Google Business Profile อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 9 ข้อที่ผมนำมาแนะนำเพื่อนๆ เพื่อให้ร้านค้าของเพื่อนๆถูกเปิดการมองเห็น และค้นหาเจอบน Google Map ซึ่งต้องบอกว่าการแข่งขันบน Google Map นั้นยังไม่สูงมาก ใครที่เริ่มทำก่อนจะได้เปรียบสุดๆไปเลยครับ ส่วนเพื่อนๆคนไหนที่ต้องการทีมงานมืออาชีพ เข้ามาช่วยติดตั้งให้ Google เปิดการมองเห็น ก็สามารถติดต่อผ่านทีมงานเราเข้ามาได้เลยนะครับ
ที่มาของบทความ : https://www.searchenginejournal.com/rank-higher-google-maps/454200/